บทความที่ได้รับความนิยม

6/10/2554

ข้าวเหนียวหน้านวล

ไม่ได้แนะนำเรื่องขนมบ่อยๆ วันนี้แจนเอาขนมไทยโบราณมาแนะนำค่ะ ข้าวเหนียวหน้านวลต้นตำหรับอร่อยหวานมัน แบบชิมแล้วต้องติดใจทุกราย



การทำข้าวเหนียวหน้านวลสมัยก่อนจะมีเพียงแบบเดียว คือนึ่งใน ถาดแล้วตัดเป็นชิ้น   แต่งหน้าด้วยถั่วดำเรียงเป็นเม็ดตามยาว มัก จะขายคู่กับสังขยาหรือทองหยอด   แต่มาในปัจจุบันนี้มีการนึ่งใน หลายรูปแบบต่างกันไป   แต่อย่างไรก็ยังคงเรียกข้าวเหนียวหน้านวลว่า ข้าวเหนียวตัด อีกด้วย

เครื่องปรุง
  1. ข้าวเหนียวเขี้ยวงู  2   1/2  ถ้วย
  2. แป้งข้าวเจ้า  3   ช้อนโต๊ะ
  3. หัวกะทิ  2  ถ้วย
  4. หางกะทิ  2 ถ้วย (ใช้มะพร้าวขูดขาว 500 กรัม สำหรับคั้นกะทิ)
  5. ถั่วดำต้ม  1/4  ถ้วย
  6. น้ำตาลทราย  1 ถ้วย
  7. เกลือป่น  1  ช้อนชา
  8. เกลือป่น  1/2 ช้อนชา
  9. ทองหยอดพอประมาณ
ลงมือกันเลย


1. ซาวข้าวเหนียว 2 ครั้ง แช่น้ำค้างคืน นำมาล้าง ใส่ไว้ใน กระชอน พักไว้ให้สะเด็ดน้ำ


2. ผสมน้ำตาล เกลือ 1 ช้อนชา หางกะทิ เข้าด้วยกันลงใน กระทะทอง ใส่ข้าวเหนียวตั้งไฟ กวนจนกะทิเกือบแห้ง ปิดไฟ เทใส่ถาด นำไปนึ่งให้สุก ใช้เวลา 20 นาที


3. ผสมหัวกะทิ แป้งข้าวเจ้า เกลือ 1/2 ช้อนชา เข้าด้วยกัน เทใส่ลงบนหน้าข้าวเหนียวที่นึ่ง นำไปนึ่งต่อประมาณ 5 ถึง 7 นาที ยกลง ทิ้งไว้ให้เย็น เรียงถั่วดำและทองหยอดลงบน หน้าข้าวเหนียว ตัดเป็นชิ้น ๆ


ยายชอบทำไปทำบุญวันพระ ทำทีละถาด สองถาด หลานๆก็อิ่มเปรมกันถ้วนหน้า แถมได้แจกเพื่อนบ้านทั่วถึงด้วยค่ะ

 เรื่องและภาพโดยแจน พิมยาดา

5/24/2554

ผัดเปรี้ยวหวานหมูราดข้าว

อาหารจานเดียวง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก ทำแป๊บเดียว ก็ ได้กินของอร่อยที่เราทำเอง สดๆ สอาด ไม่ต้องไปพึ่งร้านตามสั่งหน้าปากซอย ที่แม่ค้าคิดว่าตัวหล่อนเอง เป็นเชฟ มิชลินสตาร์ หน้างอเหมือนตะหลิวที่อยู่ในมือหล่อน แถมทำออกมารสชาดดีมาก จนไอ้ขาวหางกุดข้างบ้านยังเบือนหน้าหนี....เหวี่ยงนิสสสนึง


ผัดเปรี้ยวหวานแบบเต็มสูตรควรต้องมีสัปปะรด ด้วย แม่บอก เพราะจะทำให้กลิ่นหอม ออกอมเปรี้ยวอมหวาน แม่แจนจะคั้นน้ำสัปปรด ไว้ปรุงลงไปด้วยได้รสชาดไปอีกแบบ แต่วันนี้ขาดสัปปรด ก้อหยวน ๆ เพราะเราเป็น Fusion Kitchen ค่ะ คือมีอะไรดัดแปลงได้ ก็ เอาตามนั้น ถ้าไม่ทำให้รสชาดของอาหารดั้งเดิมเค้าเสียไปจนหมดรูปก็ถือว่า อนุโลม

เครื่องปรุง
1. เนื้อหมู นำมาหมักแป้งมัน+น้ำมันหอย+นมสดนิดหน่อย ทิ้งไว้ (ทำเก็บใส่ตู้เย็นไว้ทีละมากๆ ก็ดีนะคะเวลาเอาออกมาทำ อะไรก็จะได้เนื้อหมูหมักนุ่มน่าทาน)
2. กะเทียม สับ
3. น้ำมันพืชสำหรับผัด
4. หอมใหญ่หั้นตามยาว / แตงกวาหั่นเฉียงๆ / มะเขือเทศสีดาผ่าครึ่ง ถ้ามีผักอื่นๆ เช่น พริกหวาน สัปปรด ข้าวโพดอ่อน ต้นหอม ก็เติมได่ตามชอบ
5. เครื่องปรุง - ซีอิ๋วขาว / น้าตาลทราย / ซอสมะเขือเทศ / น้ำส้มสายชู  
5. ข้าวสวย ร้อน ๆ 1 จาน


ลงมือกันเลย

1. กระเทียมสับหยาบๆ เตรียมไว้

2. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืช พอร้อน นำเนื้อหมูหมักลงผัดให้สุกดี
3. ใส่ผักทั้งหมดลงไปพร้อมกันเลยค่ะ 
4. ปรุงรส ด้วย ซีอิ๋วขาว / น้าตาลทราย / ซอสมะเขือเทศ / น้ำส้มสายชู  
5. ชิมให้ได้รสหวาน เปรี้ยว นำ เค็มตาม  
6. ผัดพอให้ผักสุกกรอบ อย่านานมากนะคะ เดี๋ยวผักเปื่อยเละไม่อร่อย 
7. ชิมดูอร่อยดีแล้วก็ ตักราดข้าว โรยพริกไทยนิดหน่อย เสิร์ฟเลยค่ะ 

มีน้ำปลาพริกขี้หนู ซักนิดก็จะเพิ่มรสชาดเผ็ดร้อน สำหรับคนชอบทานเผ็ดๆ

** แค่นี้เองก็ไม่ต้องไปง้อ เชฟ มิชลินสตาร์ หน้างอคอหักเหมือปลาทูแม่กลอง หน้าปากซอย แล้วค่ะ อร่อยกว่า ตั้งเยอะ ..ชิ!!
 เรื่องและภาพโดยแจน พิมยาดา

5/23/2554

มาม่าผัดพริกสด

ขอโทษที่หายหน้าไปซะนานเลยนะคะ..ช่วงนี้กองประกวดจัดคิวแน่นมากอ่ะค่ะ ..เลยไม่ค่อยได้มีเวลามาทำอาหาร นำเสนอ...คิดถึงนะคะ


ถ้าเป็นคนไทยจะรวยล้นฟ้าหรือมหาเศรษฐีก็ต้องเคยกินมาม่า กันทั้งนั้น..เดี๋ยวนี้มีสารพัดรสให้เลือก จะน้ำ แห้ง ขลุกขลิก ชอบแบบไหนก็เลือกเอานะคะ


วันนี้ที่พวกเราอยากกินมาม่าผัดแต่อยากได้แบบเผ็ดๆ แจนเลยค้นตู้เย็น เดชะบุญเหลือพริกสด ผักชี มะนาว ไข่ไก่ แล้วก็ไข่เยี่ยวม้าค้างปีอยู่...จัดแบบไหนดี ก็แบบที่เห็นในรูปนะคะ..ตามยถากรรม แต่ อุเหม่ ออกมาอร่อยติดใจเลยค่ะ


เครื่องปรุง
1. มาม่า 2 ห่อ
2. กะเทียม พริกขี้หนูแดงส

3. ไข่ไก่ 2 ฟอง
4. เครื่องปรุง - ซีอิ๋วขาว / น้าตาลทราย / เครื่องปรุงที่มากับห่อมาม่า ครึ่งซอง4. ไข่เยี่ยวม้า ปอกเปลือก ผ่าครึ่ง 
5. มะนาว 1 ซีก


ลงมือกันเลย
1. ตำกระเทียม พริกขี้หนูแดง หยาบๆ เตรียมไว้
2. ตั้งกระทะใส่น้ำลวกมาม่าพอเส้นคลายตัว อย่าให้เส้นเละนะคะ เพราะเราต้องเอาเส้นที่ลวกแล้วไปผัดอีก เดี๋ยวจะเละ ไม่อร่อย
3. เส้นมาม่าที่ลวกแล้ว คลุกน้ำมันพืชนิดหน่อย
4. ตั้งกะทะน้ำมันพืช พอร้อน เอา กระเทียม พริกขี้หนูแดงตำลงผัดให้หอม
5. ตอกไข่ไก่ลงไป ยีๆ ให้ไข่สุกทั้วๆกัน 
6. เติมเส้นมาม่าลงไป ผัดให้เข้ากัน 
7. ปรุงรส ด้วยซีอิ๋วขาว / น้าตาลทราย / เครื่องปรุงที่มากับห่อมาม่า ครึ่งซอง (ระวังชูรสเยอะ)
8. * ถ้ามีผักอยากเติมก็เลยค่ะ + ใบกระเพรา ก็จะหอมอร่อยมากขึ้น แต่ในเคส นี้ หาไม่ได้..ก็เลยตามเลยนะคะ
9. ชิมดูอร่อยดีแล้วก็ ตักใส่จาน โรยใบผักชี + ไข่เยี่ยวม้าผ่าซีก + มะนาว 

เวลาทานบีบมะนาวลงบนไข่เยี่ยวม้าแก้เลี่ยนนิดนึง เพิ่มรสชาดได้ดีเลยค่ะ 

** แนะนำให้ทานร้อนๆ ทำเสร็จแล้วลงมือเลย..สูตรนี้เป็นจาน After Party ยอดฮิต ที่บ้านสาวโสดค่ะ ...ยิ่งเมาๆนะ อร่อยเป็นสองเท่า...55
 เรื่องและภาพโดยแจน พิมยาดา

4/03/2554

ผัดกะเพราหมูสับ


คิดไม่ออกว่าจะกินอะไรดี ก็ลงเอยกับ ผัดกะเพรา อีกแล้ว ...ง่ายดี อร่อยแบบมีรสชาด ราดข้าวร้อนๆ บวกไข่ดาวอีกหนึ่งฟอง แต่จะหาร้านที่ผัดกะเพราอร่อยจริงๆ ก็ไม่ง่ายนะ เพราะฉนั้น ทำกินเองดีกว่า ได้รสชาดแบบที่เราชอบไงล่ะคะ

เครื่องปรุง
1. หมูสับ
2. กระเทียม พริกแดง โขลกหยาบๆ
3. น้ำมันพืชสำหรับผัด
4. กะเพราเด็ดใบ / พริกหนุ่มหั่นแฉลบ
5. เครื่องปรุง - น้ำปลาดี/ซอสปรุงรส/น้ำตาลทรายนิดหน่อย

ลงมือกันเลย
1. ตั้งกะทะใส่น้ำมันพืชลงไปพอร้อน เอา กระเทียม พริกแดง โขลกหยาบลงผัดให้หอม
2. ใส่หมูสับลงไปผัดให้สุกทั่ว ปรุงรสตามชอบ ด้วยน้ำปลาดี/ซอสปรุงรส/น้ำตาลทรายนิดหน่อย
3. ใส่พริกหนุ่มหั่นแฉลบลงไปผัดให้สุกดี แล้วโรยใบกระเพราลงไปเลยค่ะ ผัดเร็วๆให้เข้ากันดี แล้วปิดๆฟเลยค่ะ 
4. ตักเสิร์ฟ หรือจะ แบบราดข้าวร้อนๆ ก็อร่อยมากมาย


แจนเห็นการผัดกระเพรา แบบใส่ผักเช่น ถั่วฝักยาว ข้าวโพดอ่อน โดยส่วนตัวแจนถือว่าเป็นกบฏต่อสถาบันผัดกระเพราแห่งชาตินะคะ โดยเฉพาะพวกที่ใส่ หอมใหญ่ ...ให้จับอ้ายคนทำมากุดหัวเสียบัดเดี๋ยวนี้ 5555  

เรื่องและภาพโดยแจน พิมยาดา

http://twitter.com/starfishQ9 

3/27/2554

เจี๋ยนปลากระบอกต้มเต้าซี่

อารมณ์ คุณนายที่ 4 เข้าสิง อยากทำกับข้าวแบบจีนๆ เอาใจเจ้าสัวซะหน่อย


ปลาต้มเต้าซี่กระป๋องมีขายทั่วไปค่ะ ตามซุปเปอร์มาเก็ต ถ้ารู้จักเอามาประยุกต์ ก็จะได้อาหารจานใหม่ รสชาดอร่อยแบบประหยัดเวลา

ปลาเต้าซี่จะต้มมาแบบแห้งๆพร้อมเต้าซี่เม็ดดำๆ ที่อาจดูไม่น่ากิน แต่ขอบอกนะคะรสชาดเด็มมันอร่อยมาก ต้องลองค่ะ 

เครื่องปรุง
1. ปลาต้มเต้าซี่กระป๋อง 1 กระป๋อง
2.
พริกหนุ่มหั่นแฉลบๆ 2 เม็ด / ขิงซอย 1 กำมือใหญ่ / ต้อนหอมหั่นท่อน 2 ต้น / พริกแดงหั่นแฉลบ 2 เม็ด / กระเทียมไทยสับหยาบๆ/ ผักชี
3. เครื่องปรุง
น้ำมันพืช / น้ำปลาดี / ซอสปรุงรส /น้าตาลทรายนิดหน่อย / พริกไทย


ลงมือกันเลย
1.
เปิดกระป๋องปลากระบอกนึ่งเต้าซี่ แล้ว เทลงในจาน ที่สามารถทนความร้อนได้  จัดวางลงในซึ้งเตรียมนึ่ง
2. ตั้งกะทะ.พอร้อนใส่กระเทียมสับลงเจียวให้เหลืองหอม แล้วใส่ขิงซอยลงผัด พอขิงเริ่มส่งกลิ่นหอม เติมพริกหยวก พริกแดง โคนต้นหอม ลงผัดให้พอสุก (อย่าเติมน้ำซุปนะคะ เพราะเวลานึ่งจะมีน้ำออกมาจากปลาและผักอยู่แล้ว)
3. ปรุงรสด้วยน้ำปลาดี ซอสปรุงรส น้าตาลทรายนิดหน่อย พริกไทยโรยลงไปเยอะๆ หอมดี ปรุงให้ได้รสเค็มนำหวานนิดๆ รสจัดหน่อยก็ดีเพราะเนื้อปลาต้มเต้าซี่ไม่ค่อยมีรสชาดจัดจ้านมากนัก
4. ได้รสชาดดีแล้ว ปิดไฟเลยค่ะ แล้วตักทั้งหมดราดลงบนตัวปลานึ่งเต้าซี่ที่อยู่ในซึ้งเตรียมนึ่ง
5. นึ่งด้วยไฟกลาง ซัก 10 นาที 
6. ก่อนเสิร์ฟ โรยด้วย ต้นหอมหั่นท่อน ตกแต่งด้วยใบผักชี นิดหน่อย
7. ทานกับข้าวสวยร้อนๆ หรือข้าวต้มม้วย (ข้าวต้มแบบข้นๆไม่มีน้ำมาก) ก็อร่อย  

** แนะนำให้ทาน
ตอนร้อนๆ ถ้าจะทำเป็นกับข้าวต้มควรเพิ่มรสเค็มไปนิด จะได้รสชาดพอดี....รับข้าวเพิ่มไม๊คะ?

เรื่องและภาพโดยแจน พิมยาดา

http://twitter.com/starfishQ9 

3/26/2554

แกงแดงไก่ใส่มะเขือเปาะ

อร่อยแบบดั้งเดิม ด้วยเครื่องแกงตำเอง ได้รสเครื่องแกงสดๆ ล้ำลึกกว่าที่ซื้อตามตลาด 

แกงเผ็ด หรือแกงแดง ที่ซื้อตามตลาดหาที่อร่อยกินยากเต็มที อย่างแรกไม่ถึงเครื่องแกง แล้วก็น้ำแกงใส ไม่ข้นเข้ม ตอนเด็กยายบังคับให้ช่วยตำเครื่องแกง เวลายายจะทำแกงใดๆ วันนี้ต้องขอบคุณยาย เพราะหลานได้กินของอร่อยๆ โดยไม่ต้องง้อใคร
เครื่องปรุง
1. เครื่องแกง - พริกขี้หนูแดง ข่า ตระไคร้ กระเทียม หอมแดง ผิวมะกรูด ใบมะกรูด กะปิดี เกลือป่น
2. เน้ืออกไก่ 1 ชิ้น เครื่องในไก่ 2 พวง หั่นชิ้นพอดีๆ
3. มะเขือเปราะ ผ่า แช่น้ำเกลือไว้จะได้ไม่ดำ
4. กะทิกล่องกลาง 1 กล่อง (ใช้ไม่หมดเก็บไว้ได้นะคะ) 
5. พริกชี้ฟ้าหั่นเฉียง 2 เม็ด / ใบโหระพาเด็ด 1กำมือ / ผักชีใบเรื่อย 1 ต้นหั่นท่อนๆ / ใบมะกรูดฉีก
6. เครื่องปรุง - น้ำปลาดี น้าตาลปีบนิดหน่อย


ลงมือกันเลย
1. ตำพริกแกงให้ละเอียดยิบ เตรียมไว้
2. ตั้งกะทะ..พอร้อนใส่กะทิลงไ
ปเคี่ยวพอเดือด ใส่พริกแกงลงไปผัดให้หอมฟุ้ง ใช้ไฟอ่อนๆ นะคะ จนกะทิแตกมัน เครื่องแกงสีสวย
3. ใส่เนื้อไก่ลงไปผัดให้สุก เติมกะทิลงไป เคี่ยวจนเนื้อไก่สุกดีทั่วก
ัน 
4. ใส่มะเขือเปราะลงไป ทิ้งไว้ซักครู่พอมะเขือสุกด
ี ปรุงรสด้วยน้ำปลาดี น้ำตาลปี๊บ ให้ได้รสเค็มหวานกะทิ 
5. ได้รสชาดดีแล้ว เติมพริกชี้ฟ้าหั่นเฉียง ใบโหระพา ผักชีใบเรื่อย และ ใบมะกรูดฉีก พริกแดงทั้งเม็ด ลงไป คนให้เข้ากันดี
6. ปิดไฟ..แล้วตักเสิร์ฟ เลยค่ะ ตกแต่งด้วย ยอดโหระพา ก็สวยดี 
7. ราดขนมจีน หรือ ราดข้าว ก็อร่อยด้วยกันทั้งนั้น 

** แนะนำให้ทานกับ ไข่เค็ม หรือ ปลาเค็มทอด จะอร่อยมากขึ้นไปอีก ..รับข้าวเพิ่มไม๊คะ? 


เรื่องและภาพโดยแจน พิมยาดา

3/12/2554

ข้าวหน้าหมูกรอบ

หมูกรอบอร่อยๆ ทำกินเองก็ได้ ง่ายมากค่ะ ไม่ต้องไปซื้อหา ราคาแพงด้วยซิ่


หมุกรอบสูตรนี้ทำเก็บไว้ในตู้เย็นเวลาอยากทานก็เอามาทอด กินร้อนๆ กับข้าวสวย หรือเป็นของแนม กับ อาหารประเภทแกงเผ็ด ก็อร่อยไม่แพ้กันค่ะ อย่างแรกที่ต้องพิถีพิถันหน่อยก็คือ การเลือกหมูสามชั้นที่ตลาด แบบที่เค้าแร่เป็นชิ้นยาวๆไว้แล้ว ให้เลือกที่เนื้อแดงเยอะหน่อยมันน้อยๆ แต่แจนว่า จะกินหมูกรอบทั้งที อย่าได้ได้กลัวเลยค่ะ แจนจะเลือกที่มีเนื้อสองสีเท่าๆกัน เวลาเคี้ยวได้รสมันหมูลึกล้ำได้อารมณ์หมูกรอบแบบเต็มๆ นาทีนี้ไม่แคร์สื่อค่ะ..555

เครื่องปรุง
1. หมูสามชั้นชิ้นยาวๆ ซัก 2 - 3 ชิ้น เลือกตามชอบนะคะจะมันมากมันน้อยไม่ว่ากัน
2. กระเทียม พริกไทย รากผักชี โขลกละเอียด
3. แป้งมัน
4. น้ำมันสำหรับทอด
5. เครื่องปรุงรส ซีอิ๋วขาว น้ำตาล ซอสปรุงรส  

ลงมือกันเลย
1. ล้างหมูสามชั้นให้สอาด พักไว้ให้สะเด็ดน้ำแห้งดี
2. เอากระเทียม พริกไทย รากผักชี โขลกละเอียด ลงกาละมังใบย่อม เติมเครื่องปรุงรส ซีอิ๋วขาว น้ำตาล ซอสปรุงรส ผสมให้เข้ากันดี
3. นำเนื้อหมูลงคลุกเคล้าให้ทั่ว เติมแป้งมันลงไปซัก 1 ช้อนโต๊ะ หมักทิ้งไว้ในตู้เย็นซัก 1 ชม.
4. เอาแป้งมันแห้งเทลงบนถาด เอาหมูลงแนบแป้ง ทาแป้งทั่วๆ ให้แป้งเกาะติดเนื้อหมูเสมอกันทั้งชิ้น
5. ตั้งกระทะน้ำมันสำหรับทอด ใช้ไฟกลางค่อนข้างอ่อนนะคะ ไม่งั้นหมูจะใหม้ก่อนสุก
6. เอาเนื้อหมูลงทอดเลยค่ะ รอให้หมูสุกเหลืองดีแล้วด้านหนึ่ง จึงค่อยกลับ ทอดให้เป็นสีเหลืองทองสวย จึงตักออกใส่ตระแกรงสะเด็ดน้ำมัน
7. รอให้เนื้อหมูกรอบเย็นลงก่อนนะคะ แล้วจึงค่อยหั่นเป็นชิ้นๆขนาดพอคำ
8. เอาข้าวสวยมา จัดหมูกรอบลงด้านข้าง โรยต้นหอมซอยนิดหน่อยเพื่อสีสันที่น่าทานมากขึ้น
9. ทำแจ่วพริกป่นแบบง่ายๆ น้ำปลา พริกป่น มะนาว น้ำตาล ข้าวคั่ว ผสมกัน โรยต้นหอมซอยนิดนึง
10. จะรออะไรล่ะคะ ต้องทานร้อนๆ อร่อยซะลืมเรียกเพื่อนเลยค่ะ

หมูที่หมักไว้แล้ว เราเก็บไว้ทอดวันหน้าบ้างก็ได้ แต่ต้องแช่เย็นจัด หมักนานหน่อยยิ่งอร่อย หมูจะนุ่มขึ้นหอมเครื่องหมัก โอยยย ไม่ไหวแล้วค่ะขอตัวไปซื้อหมูสามชั้นก่อนนะคะ บะบายๆ
เรื่องและภาพโดยแจน พิมยาดา

http://twitter.com/starfishQ9

3/06/2554

ลาบหมู

ลาบหมูเจ้าอร่อยที่ติดใจ ไปกินทีต้องสั่งเบิ้ลไปเลย 2 จานเพราะจานเล็กนิดเดียว แปลกนะอาหารอีสาน พวกลาบ น้ำตก ถ้ามาเป็นจานใหญ่ๆ จะลดความอร่อยไปเยอะเลย แต่ถ้าเป็นจานเล็กๆ แบบที่ต้องแย่งกันกิน จะอร่อยเป็นพิเศษ 
ลาบหมูทำไม่ยากนะคะ แต่เครื่องปรุงทุกอย่างต้องสดใหม่ ข้าวคั่วใหม่ๆหอมกลิ่นข้าวใหม้นิดๆ พริกป่นคั่วเองที่ทั้งเผ็ดและฉุน เนื้อหมูสับหยาบๆ เครื่องในหมูสด น้ำมะนาวบีบจากลูกสดๆใหม่ๆ
เครื่องปรุง
1. เนื้อหมูสันนอกสับหยาบๆ
2. หนังหมูหั่น
3. ตับหมูลวกสุกปานกลาง
4. ข้าวคั่วใหม่ตำละเอียดปานกลาง
5. พริกป่นคั่วใหม่
6. หอมแดงไทยซอย / ผักชีใบเรื่อยซอยหยาบ / ต้นหอมผักชีซอย / ใบมะกรูกซอยละเอียด 1 ใบ / ใบสาระแหน่ / พริกทอด
7. เครื่องปรุงรส - มะนาวลูก / น้ำปลาดี / น้ำตาลนิดหน่อย
8. ผักสดกินแนม ถั่วผักยาว/กะหล่ำปลี/ผักกาดหอม/ใบโหระพา.. 
ลงมือกันเลย
1. ตั้งหม้อเล็กบนไฟอ่อนๆ ใส่เนื้อหมูสันนอกสับหยาบ เติมน้ำลงไปนิดหน่อย คั่วให้หมูสุกดี เติมหนังหมู ตับลวกสุกลงไปผสมคนต่อให้สุกทั่วกัน
2. ยกหม้อลงจากเตา เตรียมปรุงรส ใส่ข้าวคั่วซัก 1 ช้อนโต๊ะ/น้าปลาดี / น้ำตาลนิดเดียวลงไปตัดรสหน่อย เพราะเราไม่ใช่ผงชูรส / บีบมะนาวลงไป 1 ลูก / โรยพริกป่นลงตามแต่ชอบเผ็ดมากน้อย คนให้ทุกอย่างเข้ากันดี
3. ได้รสชาดดีแล้ว เติมหอมแดงซอย ผักชีใบเรื่อยซอยหยาบ / ต้นหอมผักชีซอย / ใบมะกรูกซอยละเอียด 1 ใบ ลงไปผสมให้เข้ากันดี 
4. ตักใส่จาน โรยด้วยใบสาระแหน่ พริกทอด 
5. เสิร์ฟพร้อมผักสดที่เตรียมไว้ 

ลาบทำทานกับข้าวสวยก็อร่อยดี นะคะ หรือจะเอาข้าวเหนียวลงจ้ำตามแบบดั้งเดิมก็สุดยอด กินกันหลายๆคน หมุบหมับๆ อร่อยตรงแย่งกัน นี่แหละค่ะ

* ทำเสิร์ฟทีละจาน จะอร่อยกว่าทำทีละมากๆนะคะ เพราะอาหารพวกยำทิ้งไว้นานหน่อยก็จะเซ็ง รสเปลี่ยน 
เรื่องและภาพโดยแจน พิมยาดา

เต้าเจี้ยวหลน

เครื่องจิ้มผักสดรสชาดไทยแท้ ที่เด็กๆก็ทานได้เพราะมีรสหวานมันกะทิ ไม่เผ็ดถ้าไม่กัดพริกเข้าไปด้วย เต้าเจี้ยวหลน ไงคะ


ตอนเป็นเด็ก แจนขอให้ยายสอนทำหลนเต้าเจี้ยว เป็นเมนูแรกๆเลยเพราะ ตืดใจรสชาดมันหวาน หอมเต้าเจี้ยวขาว ยายเลยสอนวิธีแบบโบราณสูตรของยายให้เป็นสมบัติติดกายมาจนทุกวันนี้

เครื่องปรุง
1. เต้าเจี้ยวขาว เอาแต่เนื้อถั่ว 1 ถ้วย
2. กุ้งสับ - หมูสับ เอาหมูสามชั้นปนลงไปซัก 1 ส่วนจะทำให้ได้เนื้อหมูสับที่นุ่มกว่าใช้เนื้อหมูแดงล้วน
3. กระทิ - หัวกระทิ
4  พริกหยวก หั่นท่อน 1 นิ้ว
5. พริกใหญ่ 3 สี - เขียว แดง เหลือง หั่นท่อน 1 นิ้ว
6. หอมแดงไทยซอย
7. รากผักชี
8. ใบผักชีไว้โรยหน้า
9. เครื่องปรุง - น้ำมะขามเปียก น้ำตาลปี๊บ
10. ผักสดประดามี ได้แก่ ถั่วพลู แตงกวา มะเขือเปาะ ถั่วฝักยาว ผักกาดขาว


ลงมือกันเลย
1. ล้างเต้าเจี้ยวขาว 2 รอบให้สะอาดหมดเมือก
2. หั่นรากผักชีเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วโขลกให้ละเอียด ใส่เต้าเจี้ยวขาวลงโขลกผสมให้ได้ถั่วตำเนื้อหยาบๆ
3. ตั้งกะทิบนไฟอ่อน ๆ พอเดือดปุดๆ เติม ถั่วตำลงไปผสม แล้วเคี่ยวต่อให้เดือดอีกรอบ
4. เติมกุ้งสับ-หมูสับลงผสมเคี่ยวต่อจนเนื้อหมู/กุ้งสุกนุ่ม จึงใส่ พริกหยวก/พริกใหญ่สามสีหั่นท่อน
5. ปรุงรสด้วย น้ำมะขามเปียก น้ำตาลปี๊บ ให้ได้รสหวานมันกะทิ มีอมเปรียวนิด ระวังนะคะ เนื่องจาก เต้าเจี้ยวมีรสเค็มอยู่แล้วจึงไม่ต้องเติม เกลือ หรือ น้ำปลา
6. เคี่ยวต่ออีกซักพัก ให้พริกเปื่อยหน่อย แล้วเติมหอมแดงซอย โรยหัวกะทิ คนให้ทั่วแล้วปิดไฟเลยค่ะ
8. หลนทุกอย่าง เค้าจะไม่เสิร์ฟร้อน แต่จะรอให้เย็นก่อน จึงจัดลงถ้วย พอเย็นลงเนื้อหลนจะข้นขึ้น โรยหน้าด้วยใบผักชี จัดเสิร์ฟกับ ผักสดประดามี ได้แก่ ถั่วพลู แตงกวา มะเขือเปาะ ถั่วฝักยาว ผักกาดขาว หรือผักอื่นๆตามชอบ ไม่ผิดอะไรค่ะ

เวลากินหลน ต้องตักให้ครบทั้งเนื้อหลนและพริกราดลงบนผักสดให้ชุ่ม กินเป็นคำพร้อมข้าวสวย จึงจะอร่อยครบเครื่อง คิดถึงยายจัง
เรื่องและภาพโดยแจน พิมยาดา